ออกแบบออฟฟิศทันสมัยด้วยระบบ smart home ดีอย่างไร

ปัจจุบันระบบ smart home ได้ถูกออกแบบให้ใช้ในหลายอุตสาหกรรมไม่ว่าจะเป็นอสังหาริมทรัพย์ โรงพยาบาลผู้สูงอายุ รวมไปถึงอาคารสำนักงาน สาเหตุที่ทำให้ระบบ smart home เป็นที่นิยม เนื่องจากเป็นเทคโนโลยีรูปแบบใหม่ที่เรียกว่า internet of things (IOT) อันเป็นเทคโนโลยีอัจฉริยะที่เชื่อมต่ออุปกรณ์เข้ากับเครือข่ายอินเทอร์เน็ต จึงช่วยให้คุณสามารถควบคุมอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อได้แม้อยู่นอกสำนักงานผ่านโทรศัพท์มือถือ ทำให้ช่วยอำนวยความสะดวกแก่เจ้าของบริษัททั้งขนาดเล็ก จนถึงขนาดใหญ่ ให้สามารถตรวจสอบความปลอดภัย ประชุมออนไลน์ หรือแม้กระทั่งดูแลความเรียบร้อยของบริษัทในภาพรวม ดังนั้นเจ้าของบริษัทสามารถออกแบบออฟฟิศของคุณให้ทันสมัยด้วยตนเองได้ ตั้งแต่การใช้กล้องวงจรปิด, smoke detector, digital door lock รวมไปถึงเซ็นเซอร์อุณหภูมิที่ช่วยให้ออฟฟิศของคุณทันสมัย เพิ่มประสิทธิภาพในการประหยัดพลังงาน และลดค่าใช้จ่ายด้านความปลอดภัยในระยะยาว

กล้องวงจรปิดอัจฉริยะ
 
กล้องวงจรปิด  ได้เข้ามามีบทบาทอย่างสูงในการรักษาความปลอดภัยต่ออาคารสำนักงาน เนื่องจากมีการใช้ระบบอินเทอร์เน็ตเข้ามามีส่วนช่วยให้การดูภาพจากกล้องวงจรปิดทำได้อย่างสะดวกรวดเร็ว ดูภาพ real-time ได้ ไม่เหมือนสมัยอดีตที่กล้องวงจรปิดหากต้องการดูย้อนหลัง ต้องเปิดวิดีโอบันทึกภาพย้อนดูเอา แต่ปัจจุบันมีเพียงโทรศัพท์มือถือ และสัญญาณอินเทอร์เน็ตก็ช่วยให้คุณดูภาพย้อนหลังได้ทุกที่ทุกเวลา ซึ่งกล้องวงจรปิดมีการแบ่งระบบการทำงานออกเป็น 2 รูปแบบได้แก่ กล้องวงจรปิด CCTV และกล้องวงจรปิด ip camera ซึ่งกล้องแต่ละชนิดมีคุณสมบัติในการทำงานแตกต่างกัน ดังนี้
 
 
 

  • กล้องวงจรปิด CCTV ในอดีตกล้องวงจรปิดชนิดนี้ได้รับความนิยมสูงสุด เนื่องจากเป็นกล้องวงจรปิดรุ่นแรก โดยมีหลักการทำงานเบื้องต้น คือ เชื่อมต่อสัญญาณจากกล้องวงจรปิดเข้ากับจอแสดงภาพด้วยสาย Coaxial อันมีจุดเด่นตรงที่แกนกลางของ Coaxial จะถูกห่อหุ้มด้วยสายทองแดง ซึ่งทำหน้าที่ในการนำกระแสไฟฟ้า ปัจจุบันกล้องวงจรปิดมีสายรูปแบบนี้ ได้รับความนิยมลดลง เพราะขั้นตอนการเดินสายมีความซับซ้อน ยิ่งระยะห่างระหว่างกล่องรับสัญญาณกับตัวกล้อง CCTV  มากเท่าใด ยิ่งต้องใช้สายเชื่อมต่อที่ความยาวเพิ่มตามระยะทางเท่านั้น การติดตั้งกล้อง CCTV จึงนิยมออกแบบจุดตั้งกล้องพร้อมกับการสร้างอาคารตั้งแต่แรกเริ่ม หากไม่ได้มีการออกแบบไว้แล้วติดกล้อง CCTV ย่อมมีโอกาสที่บุคคลภายนอกจะมองเห็นเส้นทางการเชื่อมต่อสายไฟกับกล่องรับภาพ และมีแนวโน้มที่ช่างติดตั้งกล้องจะเก็บงานไม่เรียบร้อย เมื่อเกิดการโจรกรรมบุคคลผู้ไม่หวังดีมีโอกาสตัดสัญญาณภาพได้ง่าย จากแนวเส้นทางเดินสายไฟที่มองเห็นได้ชัดเจน อย่างไรก็ตามบริษัทขนาดใหญ่ยังนิยมใช้กล้องวงจรปิดมีสาย CCTVเนื่องจากไม่ต้องพึ่งพาสัญญาณอินเทอร์เน็ต จึงลดโอกาสรบกวนการทำงานของสัญญาณ wi-fi ประกอบกับบริษัทขนาดใหญ่มักออกแบบผังอาคารไว้แต่แรกอยู่แล้ว และด้วยลักษณะออฟฟิศหลายชั้นของบริษัท จึงมักมีมุมกล้องที่ติดตั้งได้ง่าย นอกจากนี้กล้องวงจรปิด CCTV ที่พบเห็นได้ตามอาคารสำนักงานเป็นประจำ มีอยู่ 2 ประเภท คือ กล้องวงจรปิดรูปแบบโดม และกล้องวงจรปิดทรงกระสุน ซึ่งกล้องวงจรปิดทั้ง 2 รูปแบบ สามารถใช้งานได้ดีในเวลากลางวันและกลางคืน แต่กล้องทรงกระสุนจะเห็นภาพในระยะไกลกว่า ในขณะที่กล้องแบบโดมมีประสิทธิภาพในการจับภาพแบบมุมกว้างมากกว่ากล้องวงจรปิดรูปทรงกระสุน

 

 

  • กล้องวงจรปิด ip camera เป็นกล้องวงจรปิดรุ่นใหม่ที่ระบบบันทึกภาพคมชัด ด้วยเทคโนโลยี infrared ที่ช่วยให้การจับภาพทำได้ดีในเวลากลางคืน ซึ่งหลักการทำงานของกล้องแตกต่างจากกล้อง CCTV คือ ไม่จำเป็นต้องใช้จอภาพโทรทัศน์แสดงภาพส่วนกลาง ใช้เพียงแค่ใช้สัญญาณ internet หรือ wi-fi ก็สามารถเห็นภาพ real-time ผ่านโทรศัพท์มือถือได้ หรืออาจปรับมาใช้งานเชื่อมต่อกับสาย LAN โดยตรงหากสัญญาณไม่แรงพอกับการรับ-ส่งภาพ โดยปัจจุบัน ip camera เป็นที่นิยมอย่างสูงในการเลือกใช้เพื่อออกแบบระบบความปลอดภัย เพราะไม่จำเป็นต้องเดินสายไฟที่อาจเป็นความเสี่ยงถูกตัด ทำลายหลักฐานได้เวลาเกิดการโจรกรรมขึ้น และเหมาะแก่บริษัทที่ริเริ่มในการติดตั้งกล้องวงจรปิด นอกจากนี้ ip camera ยังมีความยืดหยุ่นสูงกว่ากล้องวงจรปิด CCTV กล่าวคือ ในกรณีที่มีการติดตั้ง ip camera 1ตัว อาจไม่จำเป็นต้องใช้กล่อง NVR เพียงแค่ดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่นจากบริษัทที่รับติดตั้งกล้องวงจรปิด ก็สามารถเห็นภาพได้ เหตุเพราะ ip camera มีเสาสัญญาณรับส่งสัญญาณ wi-fi ด้วยตนเอง ทำให้มองเห็นภาพโดยตรงจากกล้องวงจรตัวนั้นๆ ได้ ในขณะที่กล้อง CCTV แม้ติดตั้งกล้องเพียง 1 ตัว ก็ยังคงต้องเดินสายไฟถึงกล่อง DVR สำหรับการรับสัญญาณภาพที่แสดงบนจอโทรทัศน์ และถ้าต้องการรับภาพผ่านมือถือ ก็ต้องดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่นของ CCTV นั้นๆ ทำให้ ip camera ใช้งานสะดวกกว่ากล้อง CCTV นั่นเอง

 

 

 

  • Smoke Detector ทุกบริษัทควรติดตั้ง

อาคาร  และสถานที่แต่ละแห่งย่อมมีความเสี่ยงที่จะเกิดเพลิงไหม้ การหาทางป้องกันด้วยการใช้ Smoke Detector จึงเป็นเรื่องสำคัญ โดยหน้าที่ของอุปกรณ์ชนิดนี้ คือ ตรวจจับควันที่อาจก่อให้เกิดอัคคีภัย ซึ่งหลักการติดตั้งเครื่องตรวจจับสัญญาณไฟไหม้ควรติดตั้งอยู่ด้านบนเพดาน เพราะโดยปกติแล้วควันไฟลอยตัวขึ้นด้านบน เว้นเสียว่ามีลมพัดพาควันไฟไปทิศทางอื่น อย่างไรก็ดี Smoke Detector ที่ใช้กันอยู่ทั่วไป มีอยู่ 2 รูปแบบ แบ่งตามหลักการทำงาน คือ ชนิด photoelectric และ ionization โดยชนิด photoelectric การตรวจจับควันไฟไม่จำเป็นต้องมีเปลวเพลิง จึงแจ้งเตือนได้อย่างรวดเร็ว ทำให้ Smoke Detector ชนิด photoelectric มีโอกาสผิดพลาดที่แจ้งเตือนไฟไหม้แม้เป็นควันไฟเล็กน้อยที่เกิดจากชีวิตประจำวัน เช่น ควันจากการทำอาหาร เป็นต้น ส่วน Smoke Detector ประเภท ionization เหมาะกับเชื้อเพลิงที่เกิดการสะสมตัวอย่างช้าๆ ที่นำไปสู่การลุกไหม้ของเชื้อเพลิงอย่างรวดเร็ว โดยการติดตั้ง Smoke Detector ควรใช้งานทั้ง 2 ประเภท เพื่อให้ได้ผลดีต่อการแจ้งเตือน เพราะไม่มีชนิดใดดีที่สุด แต่สิ่งที่เจ้าของบริษัทควรสนใจเป็นพิเศษคือ Smoke Detector ที่ติดตั้งแล้วยังสามารถใช้งานได้ตามปกติหรือไม่ เนื่องจากอายุการใช้งานของเครื่องตรวจจับควัน มีอายุเฉลี่ย 8 – 10 ปี ทำให้ในระหว่าง 10 ปีนี้ หากเกิดการเสื่อมสภาพขึ้นมาจะแจ้งเตือนภัยไม่ได้ ส่งผลให้มีความเสียหายร้ายแรง และในกรณีที่ติดตั้ง Smoke Detector แบบแบตเตอรี่ ควรมีการตรวจสอบว่าแบตเตอรี่ยังคงทำงานได้ปกติ นอกจากนี้หากเกิดความผิดปกติอื่นๆ ในระหว่างการติดตั้ง เช่น มีเสียงดังอยู่ตลอดเวลา หรือไม่มีสัญญาณไฟขึ้นเวลาแจ้งเตือน ควรแจ้งให้ช่างช่วยแก้ไขโดยเร็ว ดังนั้นการติดตั้ง Smoke Detector จึงควรเลือกใช้งานกับบริษัทที่มีความน่าเชื่อ รวมทั้งรับประกันหากเกิดการเสื่อมสภาพ และปัจจุบันมีการใช้ Smoke Detector รูปแบบ wi-fi ที่ช่วยให้คุณได้รับการแจ้งเตือนในระหว่างเกิดเพลิงไหม้ผ่านทางสมาร์ทโฟน หากเครื่องตรวจจับควันไม่สามารถแจ้งเตือนได้ผ่านโทรศัพท์ย่อมเกิดปัญหาใหญ่แน่นอน
 
 
 
โดยทั่วไป  อาคารสำนักงานมักใช้ประตูกลอนเพื่อเปิด-ปิดตามปกติ แต่รู้หรือไม่ว่าประตูชนิด Digital Door lock เป็นหนึ่งในอุปกรณ์ Smart home ที่แต่ละบริษัทควรนำไปใช้ เพื่อป้องกันการหลงลืมกุญแจเข้าห้อง และช่วยรักษาความลับของบริษัท ซึ่ง Digital Door lock เป็นประตูที่นำเทคโนโลยีแสกนนิ้วมือที่ทำให้เข้าห้องได้อย่างสะดวกรวดเร็ว ไม่จำเป็นต้องเสียเวลาไขประตูเข้าห้อง หรืออาจสั่งให้เปิด-ปิดประตูผ่านสมาร์ทโฟนก็ได้ ทำให้มั่นใจได้ว่าบุคคลที่เข้ามาภายในสำนักงานเป็นบุคลาการของบริษัทจริงๆ โดยระบบประตูอัจฉริยะนี้ มีการประยุกต์ใช้งานกับอุปกรณ์ smart home หลายอย่างไม่ว่าจะเป็น motion sensor ที่ช่วยให้สิ่งอำนวยความสะดวกให้อุปกรณ์อื่นๆ ในออฟฟิศทำงานพร้อมกัน มีหลักการทำงานคือ เมื่อ Digital Door lock เปิด ระบบเซ็นเซอร์จะส่งสัญญาณไปยังอุปกรณ์อื่นๆ อย่างหลอดไฟ หรือเครื่องปรับอากาศให้เริ่มทำงาน ในทางกลับกันเมื่อปิดประตู Digital Door lock จะออกคำสั่งปิดเช่นกัน ทำให้ช่วยประหยัดพลังงานลดโอกาสการลืมเปิดปิดไฟ นอกจากนี้ยังมีอุปกรณ์อีกหนึ่งอย่างที่ช่วยให้ออฟฟิศรักษาอุณหภูมิในห้อง อย่าง “ เซ็นเซอร์อุณหภูมิ” ซึ่งเดิมเซ็นเซอร์นี้เป็นนิยมใช้ในอุตสาหกรรมโรงงานที่ช่วยรักษาอุณหภูมิสิ่งของให้ยังดูสดใหม่ ไม่เน่าเสียง่าย แต่ปัจจุบันได้นำมาใช้อย่างแพร่หลายในอุตสาหกรรมอื่นๆ รวมไปถึงอาคารสำนักงานออฟฟิศด้วย ที่ทำหน้าที่รักษาอุณหภูมิในสำนักงานให้คงที่ ผ่านคำสั่งเสียงหรือแอพพลิเคชั่นจากโทรศัพท์มือถือ ที่ช่วยให้ออฟฟิศของคุณไม่เย็นหรือร้อนจนเกินไป เมื่อมีการเปิด-ปิดประตูเข้าออกห้องทำงานบ่อย
 
 

เห็นได้ว่าระบบ Smart home นี้สามารถใช้ในออฟฟิศอย่างแพร่หลาย ทำให้ระบบรักษาความปลอดภัยมีประสิทธิภาพมากขึ้น รวมไปถึงสร้างความสะดวกสบายให้พนักงานในสำนักงานทำงานได้อย่างสะดวกรวดเร็ว เดิมที Smart home จะมีการใช้งานในบ้านที่มีผู้สูงอายุ เด็กอ่อนรวมไปถึงสัตว์เลี้ยง แต่ก็สามารถประยุกต์การใช้งานในออฟฟิศได้ด้วยเช่นเดียวกัน ช่วยให้ออฟฟิศของคุณทันสมัย ซึ่งหากเจ้าของบริษัทสนใจติดตั้งอุปกรณ์ smart home เหล่านี้ ทาง Smart Safety Service มีให้เลือกอย่างมากมาย เช่น กล้องวงจรปิดอัจฉริยะ Motion Sensor รวมไปถึงกล้องวงจรปิด package ที่ให้คุณออกแบบระบบความปลอดภัยเองได้

ที่มา :

เราใช้คุกกี้เพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น